ความแตกต่างระหว่างชุดกิโมโน着物กับชุดยูกาตะ浴衣

ชุดประจำชาติญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักกันดีคือชุดกิโมโน แต่หลายๆคนๆเมื่อได้ยินคำว่าชุดยูกาตะเพิ่มเข้ามาก็มักจะสับสนว่ามันคือชุดที่เหมือนกับชุดกิโมโนไหมนะ แล้วแบบนี้ชุดกิโมโนและชุดยูกาตะแตกต่างกันอย่างไร แล้วชุดของผู้ชายเองจะเรียกว่าชุดกิโมโนหรือไม่วันนี้โอคซังจะมาไขข้อข้องใจกันค่ะ

ชุดกิโมโน คือ?

ในปัจจุบันถึงแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมายังยุคสมัยใหม่แล้วแต่สำหรับการใส่ชุดกิโมโนของชาวญี่ปุ่นก็ยังถือว่าเป็นเรืองที่เห็นได้ทั่วไป ไม่แปลกประหลาด ชุดกิโมโนในแต่ละจังหวัดก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันเช่นในโตเกียวก็ได้มีการปรับชุดให้มีความทันสมัยมากขึ้นใส่คู่กันกับหมวกหรือรองเท้าบูท แต่ในวันนี้ที่โอคซังจะหยิบขึ้นมาให้ดูคือชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมของเมืองเกียวโตค่ะ

ชุดกิโมโนจะทำมาจากผ้าแบบหนาเพราะเป็นชุดที่ใส่ในการออกงานพิธีหรือไปเที่ยวหรือใส่ในช่วงฤดูหนาวจนถึงใบไม้ผลิ ดังนั้นชุดกิโมโนจะมีอย่างน้อย4ชั้นขึ้นไป(ยังไม่นับรวมเสื้อคลุมหรือการประดับเฟอร์ขนสัตว์) โดยจะมีการใส่ถุงเท้าคู่ไปกับรองเท้าแตะพื้นไม้แบบหูหนีบ

ชุดกิโมโนฟุริโซเดะ

ชุดกิโมโนฟุริโซเดะ : เป็นชุดกิโมโนที่มีลักษณะชายแขนเสื้อยาวลงไปมาก และทำมาจากผ้าไหมปักดิ้นทองทั้งตัว ในครั้งอดีตชุดกิโมโนฟุริโซเดะจะเป็นชุดของลูกคุณหนูบ้านรวยที่ยังโสดมากๆ ยิ่งถ้าต้องไปให้ชายหนุ่มดูตัวแล้วยิ่งต้องแต่งชุดกิโมโนฟุริโซเดะค่ะ เพราะยิ่งชายแขนเสื้อยาวนั่นหมายถึงมาจากตระกูลที่รวยมาก ลวดลายบนชุดก็มีส่วนในการแสดงความหรูหรา และการผูกเข็มขัดให้เป็นรูปโบว์ด้านหลังใหญ่และสวยแค่ไหนก็แสดงถึงความเป็นสาวที่พร้อมจะออกเรือนเช่นดอกไม้แรกแย้ม ใส่คู่กับรองเท้าโซริ(รองเท้าหูหนีบแบบญี่ปุ่น)ในยุคปัจจุบันประเพณีการดูตัวของชาวญี่ปุ่นยังคงมีอยู่และสาวๆก็จะแต่งชุดกิโมโนฟุริโซเดะเพื่องานดูตัวก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆค่ะ

ชุดกิโมโนสำหรับชีวิตประจำวัน( 着物)

ภาพกิโมโนแบบใช้ในชิวิตประจำวัน(จริงๆต้องใส่รองเท้าหูหนีบแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่าโซริแต่โอคซังไม่ได้ใส่ค่ะ)

ชุดกิโมโนสำหรับชีวิตประจำวัน( 着物) : ชุดกิโมโนแบบนี้จะเป็นชุดแบบธรรมดา และชุดของทั้งชายและหญิงจะเรียกว่าชุดกิโมโนเหมือนกันค่ะ โดยชุดกิโมโนแบบในชีวิตประจำวันที่ใส่กันจะทำมาจากผ้าที่หลากหลายแล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละบ้าน แต่หลักๆแล้วในสมัยก่อนจะเป็นผ้าไหม ยิ่งถ้ามีลวดลายเยอะๆยิ่งแสดงถึงความร่ำรวยเช่นกันค่ะ การผูกเข็มขัดโอบิก็แสดงถึงสถานะ เช่นการผูกเข็มขัดแบบฮังฮาบะ(โบว์หรือดอกไม้)จะหมายถึงเด็กสาวหรือคนที่ยังโสดอยู่

ส่วนคนที่ผูกเข็มขัดแบบโอไตโกะ(สี่เหลี่ยม)จะหมายถึงคนที่แต่งงานแล้วรวมถึงสีชุดสำหรับคนที่แต่งงานแล้วสีชุดจะไม่ฉูดฉาดเน้นสีพื้นหรือสีพาสเทลเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันชุดกิโมโนกลายเป็นชุดแฟชั่นขึ้นมาทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่ซีเรียสว่าจะผูกเข็มขัดโอบิแบบไหนหรือโทนสีแบบไหนขอแค่สวยถูกใจก็พอค่ะ สำหรับชุดกิโมโนผู้ชายจะเน้นไปในสีพื้นเช่นกันโทน น้ำเงิน เทา ขาว ดำ และมีการผูกเข็มขัดโอบิแบบเล็กไว้ใต้พุงจะดูเท่มากๆ

ชุดยูกาตะ

ชุดยูกาตะ(浴衣) : ชุดยูกาตะจะทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าแบบบางเพราะเป็นชุดที่ใส่กันในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น(เดือนกรกฎา-กันยายน) หรือเป็นชุดใส่หลังอาบน้ำเสร็จใส่อยู่บ้านแบบสบายๆ เรียกได้ว่าเป็นชุดสำหรับชีวิตประจำวันอีกเช่นกัน โดยชุดยูกาตะจะมีวิธีการใส่ที่ง่ายกว่ากิโมโนเพราะใส่เพียง1-2ชั้นก็จบแล้วค่ะจะไม่มีการใส่ถุงเท้า และใส่คู่กับรองเท้าหูหนีบพื้นไม้ที่เรียกว่าเกตะ ค่ะ

ความแตกต่างระหว่างชุดกิโมโนกับยูกาตะ?

จากที่อ่านรายละเอียดชุดกันมาแล้วจะเห็นว่าชุดยูกาตะจะบางกว่ามากไม่สามารถใส่ในช่วงฤดูหนาวได้ค่ะนอกจากใส่อยู่บ้าน(แต่คนญี่ปุ่นสมัยก่อนก็ใส่ชุดกิโมโนอยู่บ้านกันนะแล้วแต่ความชอบและความสบายค่ะ) สำหรับในช่วงฤดูร้อนสามารถใส่ชุดกิโมโนได้เช่นกันถ้าใจถึงไม่กลัวเป็นลมแดด แต่สำหรับงานพิธีไม่ว่าจะช่วงฤดูไหนก็ต้องใส่ชุดกิโมโนค่ะ ส่วนในเรื่องของราคานั้นชุดยูกาตะจะมีราคาที่ถูกกว่ามากเพราะใช้ผ้าฝ้ายเบาสบายในการตัด ใครที่สนใจอยากซื้อกลับไปใส่ที่ไทยชุดยูกาตะใส่เดินในเมืองไทยได้สบายๆเลยค่ะ ซึ่งวิธีการสวมใส่ชุดกิโมโนและยูกาตะมีความเหมือนกันเลยค่ะ แค่ใส่จำนวนชั้นที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง

ข้อสังเกตุของชุดแบบญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นชุดกิโมโนหรือยูกาตะแบบไหน สำหรับผู้หญิงที่คอเสื้อด้านหลังจะมีการเปิดเว้าโชว์ให้เห็นเนื้อคอด้านหลังจะเป็นเหมือนแฟชั่นความเซ็กซี่เบาๆค่ะ เพราะคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนไม่ได้เดินโชว์หน้าโชว์ตากันเหมือนสมัยนี้ ผู้หญิงต้องถือพัดบังหน้า เพราะฉะนั้นจะโชว์ได้เพียงหน้าตาแว้บๆหรือหลังคอนวลๆค่ะพร้อมๆกับลักษณะการผูกเข็มขัดโอบิที่แสดงถึงความโสดค่ะ

สำหรับใครที่กำลังมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วสนใจเช่าชุดกิโมโน ยูกาตะ เพื่อเดินเล่นในญี่ปุ่นจงสลัดความกลัวออกไปแล้วใส่เลยค่ะ หรือใครที่สนใจจะซื้อเป็นของฝากก็มีหลายๆร้านขายอยู่เหมือนกัน โดยราคาชุดกิโมโนจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 10,000เยน(3,000บาท)ขึ้นไปจนถึงหลักล้านก็มีค่ะ แต่ถ้าชุดยุกาตะในร้านทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ5,000เยน-10,000เยนซึ่งราคาถูกกว่ามากๆค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ

มาตะเน้