🇯🇵แชร์ประสบการณ์ทำงานพิเศษเป็นแม่บ้านโรงแรมในญี่ปุ่นรายได้วันละ 1,500บาทอย่างต่ำ🇯🇵
วันนี้จาจะมาแชร์ประสบการณ์การทำงานพิเศษในญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า “อะรูไบโตะ” งานอะรูไบโตะมีหลากหลาย ตอนนั้นจาจังพยายามหางานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราให้ได้มากที่สุดคือ
1.รายได้รายต่อชั่วโมงสูง
2.ได้ออกกำลังกาย
3.ยังมีเวลาเหลือมาทำงานอย่างอื่นและดูแลครอบครัว
รายได้เท่าไร
งาน “ทำความสะอาดโรงแรม” ตอบโจทย์ชีวิตแม่บ้านที่สุดได้รายได้ชั่วโมงละ1,100เยน ทำวันละ 5-6ชั่วโมง รายได้อย่างต่ำ 5,500เยนต่อวัน ลงตารางทำงานสัปดาห์ละ3วัน จึงถือว่าเป็นงานที่เราทำได้แบบไม่เครียดไม่ต้องกังวลอะไรค่ะ
เวลาเริ่มงาน
งานจะเริ่มตั้งแต่9โมง(เวลาที่ลูกค้าเชคเอาท์) ทำการประชุมตอนเช้านิดหน่อย ว่าห้องไหนเชคเอาท์ห้องไหนยังอยู่ต่อมีห้องไหนที่มีรีเควสอะไรพิเศษๆหรือปล่าว ก็จะประชุมกันตั้งแต่ตอนนี้เลย เอาจริงๆจาจังเองภาษาญี่ปุ่นอยู่ในระดับN3 ฟังอะไรไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่อาศัยความพยายามถามให้มากที่สุดเพื่อให้ทุกอย่างเข้าใจตรงกัน เพราะเพื่อนๆพนักงานในโรงแรมตอนนั้นแทบจะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
การทำงานทำความสะอาดโรงแรมในญี่ปุ่น
หลังจากประชุมเสร็จแล้วจะแบ่งทีมในการทำความสะอาด อันนี้แต่ละโรงแรมจะจัดการไม่เหมือนกันนะคะ สำหรับโรงแรมที่จาจังเคยทำอยู่ จะแบ่งทีมเป็น2ทีม 3ตำแหน่งหลัก คือ 1.ปู/เปลี่ยนผ้าปูเตียง 2.ทำความสะอาดห้อง 3.ทำความสะอาดห้องน้ำ โดยจะสลับสับเปลี่ยนกันไปตามแต่ละวันค่ะว่าใครจะทำตำแหน่งไหนในวันนั้นๆ ถ้าเราถนัดไม่ถนัดตรงไหนสามารถคุยกับหัวหน้างานของเราได้ค่ะ ซึ่งจาจังจะชอบยืนพื้นที่ทำความสะอาดห้องค่ะ (ตรงๆเลยนะคะเพราะลำบากน้อยกว่าอีก2ตำแหน่งมาก) คนทำความสะอาดห้องจะต้องทำหน้าที่ทำความอาดให้กริ๊บ ทิ้งขยะ ปัดฝุ่น ดูดฝุ่น จัดวางของให้ตรงตามตำแหน่งเดิม เรียกว่าภาพที่โฆษณาตามอะโกดาเป็นอย่างไรต้องให้เนี๊ยบแบบนั้น
แบบ “เจแปนนีสสแตนดาร์ด” หรือมารตฐานญี่ปุ่น ต้องเนี๊ยบ มีรอยนิ้วมือที่กระจกไม่ได้ มีฝุ่นไม่ได้ ของใช้ต้องเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ทั้งหมด แม้แต่ใต้เตียงก็ต้องสะอาด อ่านแบบนี้เหมือนงานจะหนักใช่ไหมคะ แต่ในความเป็นจริง ห้องได้ถูกทำความอะอาดอยู่ทุกวันอยู่แล้วไม่สกปรกมากค่ะ แต่เป็นคำว่ารกมากกว่า
อีกตำแหน่งที่จาจังได้ทำบ่อยๆคือ ทำความสะอาดห้องน้ำค่ะ เหมือนงานจะเล็กแต่เอาเข้าจริงไม่เล็กเลย การขัดถูให้สะอาดไม่ใช่งานยากแต่การเช็ดเอาคราบน้ำออกทั้งหมดนี่สิ ต้องใช้ผ้าขนหนูเช็ดทุกอย่างให้แห้ง ห้ามให้เปียกหรือมีรอยน้ำเด็ดขาด มีครั้งหนึ่งจาจังเคยแจ้งกับหัวหน้างานเพราะเห็นมีน้ำซึมนิดๆออกจากก๊อก จาจังถามเพื่อนร่วมงานแล้วเพื่อนบอกนิดหน่อยช่างมันเถอะ แต่จาจังปล่อยผ่านไม่ได้ค่ะเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะเป็นความรับผิดชอบของเราโดยตรง หลังจากแจ้งไปกลายเป็นว่าตอนหลังทางผู้จัดการมาขอบคุณเราเพราะเราไปแจ้งถึงความผิดปกติเลยตรวจเชคท่อน้ำทั้งระบบ เจอว่ามีท่อส่งน้ำภายในรั่วตั้งแต่ชั้นบนสุดลงมาเลย ต้องมีการรื้อระบบท่อน้ำกันใหม่ แต่ดีที่เจอปัญหาตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เราที่เป็นต่างชาติพอได้รับคำชมจากหัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นก็ใจฟูนะ
นอกเรื่องนิด จากประสบการณ์พูดได้แบบไม่อวย ห้องที่สะอาดเรียบร้อยสุดจะเป็นห้องชาวญี่ปุ่นค่ะ ลูกค้าญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบทำความสะอาดห้องไว้ก่อนเชคเอาท์กันเอง (จริงๆไม่ใช่หน้าที่อะไรของลูกค้าหรอกนะที่ต้องมาทำความสะอาดไว้ให้)แต่ด้วยเราที่เป็นพนักงานทำความสะอาดพอเจอแบบนี้บ่อยๆก็ติดเป็นภาพจำที่ประทับใจจริงๆค่ะ ห้องที่รกสุดคือห้องที่มีเด็กเล็กและห้องลูกค้าฝรั่งค่ะ เจอทีไรภูมิใจในความเป็นพนักงานทำความสะอาดทุกครั้ง ต้องงัดทุกกระบวนท่าที่เทรนมาใช้ทั้งหมด ตั้งแต่สกิลขัดดินน้ำมันออกจากโต๊ะ หรือเช็ดคราบเค้กออกจากกระจกหน้าต่าง แต่พอห้องกลับมาสะอาดสวยก็ภูมิใจมากๆค่ะ นึกกลับไปตอนนั้นมันสนุกมากๆค่ะ ตื่นเต้นทุกครั้งว่าวันนี้จะเจออะไร วันนี้จะได้ทำความสะอาดอะไรแปลกๆไหมนะ
งานทำความสะอาดจะต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงเที่ยง และได้พัก15นาที ใช่ค่ะ! เวลาพักคือ15เท่านั้น ใน15นาทีนี้ต้องรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำและกลับมาทานข้าวปั้นข้าวกล่อง และเติมของในรถเข็นทำความสะอาดของเราให้เรียบร้อยค่ะ อ้อ ลืมบอกไประหว่างทำงานเราสามารถนำน้ำดื่มส่วนตัวใส่แอบไว้ในรถเข็นดื่นตอนทำงานได้ด้วยนะแต่ห้ามไม่ให้ลูกค้าเห็นค่ะ (ตรงนี้ถ้าใครอยู่ในช่วงออกกำลังกายพกโปรตีนชงไปดื่มด้วยแข็งแรง ฟืตแอ่นเฟิร์มแน่ๆ)
จนถึงเวลาประมาณบ่าย2-3 งานก็จะเสร็จค่ะ แต่ถ้าช่วงนั้นเป็นเทศกาลอาจจะเสร็จงานประมาณ4-5โมงเย็นเพราะห้องเยอะค่ะ เลิกการก็กลับบ้านได้
ใครสามารถทำงานทำความสะอาดโรงแรมได้บ้าง
แม่บ้าน(อย่างเรา) คนว่างงาน คนสูงอายุ(ถ้าใจถึงร่างกายแข็งแรงก็ทำได้) นักเรียน นักศึกษา แต่สำหรับนักเรียนนักศึกษาจะจำกัดชั่วโมงและอายุขั้นต่ำในการทำนะคะ
👉งานเหมาะกับคนที่ไม่ชอบคุยกับใครมาก อันนี้ดีมาก จาจังชอบมากค่ะตั้งใจทำหน้าที่ของเราให้เสร็จก็พอ คนที่เราจะคุยด้วยก็มีแค่เจ้านาย ตอนประชุม และเพื่อนในทีมนิดหน่อยเท่านั้น เพราะต่างคนต่างรีบ งานนี้จึงเหมาะมากๆกับคนที่ไม่ชอบคุยค่ะ แต่ถ้าใครที่อยากทำงานเพื่อฝึกภาษาญี่ปุ่นจาจังไม่แนะนำค่ะเพราะคุยน้อย ภาษาที่ญี่ปุ่นที่ใช้ก็จะมีแต่ศัพท์ในโรงแรมค่ะ หากอยากฝึกภาษาแนะนำงานอะรุไบแบบพนักงานเซเว่น แฟมิลี่มาร์ตแบบนี้จะได้ภาษามากกว่าค่ะ
ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ แล้วเจอกันใหม่ สวัสดีค่ะ
COMMENTS